ฝันของก้องคือโลดเล่นอยู่ในแสงไฟบนเวที
นับย้อนไปตั้งแต่เล่นละครรอบกองไฟเข้าค่ายลูกเสือตอน ป.5 อุ่ย นานไปเนอะ เลื่อนมาหน่อยดีกว่า เริ่มแสดงละครเวทีจริงจังชนิดขายบัตรเข้าชมก็ตอนเรียนเตรียมอุดมศึกษาชั้น ม.5 เข้านิเทศศาสตร์จุฬาฯก็ได้แสดงละครเวทีคณะตลอดสี่ปี ความฮึกเหิมมีเต็มหัวใจ “นักแสดงละครเวที” อาชีพนี้นี่ล่ะที่จะคว้าไว้ให้จงได้
ค่ายละครเวทีใหญ่ที่ก้องเล็งตอนนั้นก็คือ เอ็กแซค (หรือที่แตกมาเป็นซีเนริโอในปัจจุบัน) ได้ชมผลงานค่ายนี้ครั้งแรกเรื่อง บัลลังก์เมฆเมื่อปี 2544 แล้วมัน แว้บ ว้าว โว้ว ใช่เลย โดนใจ เป๊ะทุกอย่าง อยากร่วมแสดงในละครแบบนี้ ปี 2547 ก้าวลงสนามชิงชัยด้วยใจมุ่งมั่นกับการออดิชั่นละครเวทีเรื่อง บางกอก 2485 มั่นมาก ได้แน่ ผมคือ ได้รับสิทธิ์ในการกลับไปศึกษาต่อ เชิญค่ะ
แต่ถ้าเรายังอยาก เราก็ต้องยังสู้ ก้องก็เข้าออดิชั่นมาเรื่อยๆ เท่าที่จำได้คือ ทวิภพ(แคสพี่แพท/ได้ชัวร์เพราะหน้าไทย) ฟ้าจรดทราย(ได้ชัวร์เพราะหน้าแขก) ลมหายใจ(ได้ชัวร์เพราะร้องดี/เข้าข้างตัวเอง) ทวิภพ(แคสพี่นัท/ได้ชัวร์เพราะเคยดู/ใช่เหรอ) กินรีสีรุ้ง(ได้ชัวร์เพราะเรื่องตรง) หงส์เหนือมังกร(ได้ชัวร์เพราะ…) มิสไซ่ง่อน(ได้ชัวร์เพราะ…) ลำซิ่งซิงเกอร์(ได้ชัวร์เพราะ…)
และจากการออดิชั่นทั้งหลายทั้งปวงที่เป็นเพื่อนทุกข์นั้น ผ่าน จนได้แสดงทั้งหมด ดังนี้
กินรีสีรุ้ง … เรื่องเดียว
เรื่องเดียวจริงๆครับ ช่วงเรียนจบใหม่ๆมีเปิดเมื่อไรเป็นต้องสมัคร และตก สมัครใหม่ และตกใหม่ ไปจนรู้จักพี่ๆเพื่อนๆน้องๆที่มาออดิชั่น คุ้นหน้ากันหมด คุ้นไปจนถึงพี่ๆโปรดิวเซอร์และทีมงาน บางเรื่องผ่านเข้ารอบลึกๆด้วยซ้ำ ก็ตกในที่สุด แต่อย่างที่ว่าครับ ไม่ถอย เปิดเมื่อไรก็มาอีก
และได้เล่นกินรีสีรุ้งแล้ว เรื่องต่อๆมาก็ต้องออดิชั่นใหม่อีก ที่ … ไว้ก็เหตุผลนี้ครับ เคยเล่นแล้วก็ต้องได้เล่นอีกสิ ผลเป็นไงครับ จนวันนี้ก็ยังได้เล่นแค่กินรีสีรุ้ง
และไม่ใช่ไปคัดแค่ค่ายเดียวนะครับ อย่างดรีมบอกซ์ก้องก็ไป เท่าที่จำได้ แม่นาก น้ำใสใจจริง เฟม ดรีมเกิร์ล และก็ได้แสดง ดรีมเกิร์ล เรื่องเดียว เช่นกันครับ ไปออดิชั่นค่ายนี้จนถึงขนาดครั้งหนึ่งเดินเข้าไปแล้วพี่ๆทักเลยว่า “ก้อง มาอีกแล้ว”
ยังไม่รวมค่ายอื่นๆที่ไปคัดอีกมากมายครับ คือมันไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ และต่อให้ได้มาแล้วก็ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่าจะได้ต่อๆไป แต่อย่างที่พี่เจินเจินบอกไว้ ร้องให้ก้องในใจเสมอนะครับว่า
“ต้องสู้ ต้องสู้จึงจะชนะ”
