ฟ้าอยากเป็นแอร์ค่ะ ฟ้าไม่ได้อยากเป็นมาตั้งแต่เด็กหรอกนะคะ เพิ่งมาอยากเป็นตอนเรียนมหาวิทยาลัย พอเรียนจบ ฟ้าก็เลยจะเป็นแอร์ค่ะ
ฟ้ามีสายการบินในใจ โชคดีของฟ้าที่เรียนจบมีนาสายการบินนี้ก็เปิดรับช่วงปลายปีเดียวกันเลย ขั้นตอนการสมัครคร่าวๆ ก็คือ
1. ยื่นใบสมัครและพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้น
2. ทดสอบข้อเขียน
3. สัมภาษณ์
เรื่องใบสมัครนั้นไม่ใช่ปัญหาของฟ้า คะแนนภาษาอังกฤษที่หลายคนกังวลฟ้าก็มีกอดไว้แบบไม่น้อยหน้าใคร ฟ้าพกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋า เอกสารครบ ส่วนสูงผ่าน น้ำหนักตามเกณฑ์ ผ่านเข้าไปพบกับกรรมการในรอบแรก แล้วกลับบ้าน รอฟังผล
ฟ้าตกรอบ
ฟ้าก็นั่งนึกว่าทำไม อะไรทำให้ฟ้าไม่ผ่าน คำตอบคือเยอะมากค่ะ เสื้อผ้าที่ไม่พอดีตัว หน้าผมที่ไม่ลงตัว คือฟ้ามีเอกสาร มีคะแนน มีผลการเรียน มีใจ แต่นั่นไม่พอสำหรับงานนี้
ฟ้ายอมรับ แต่ฟ้าไม่ยอมแพ้
ไม่กี่ปีต่อมาสายการบินนี้ก็เปิดรับอีกครั้ง ครั้งนี้ฟ้าทุ่มเททุ่มใจถวายวิญญาณกับการเตรียมตัว เสื้อผ้าหน้าผมตามแบบแผน เอกสารและคะแนนต่างๆ ครบถ้วน และฟ้าผ่านรอบแรก
ฟ้าจะต้องสอบข้อเขียน ฟ้าก็เข้าไปอ่านตามเวบบอร์ด มีการแนะนำลักษณะข้อสอบไปจนถึงลักษณะการตอบที่ควรจะเป็น แต่ฟ้าคิดว่าฟ้ามีคุณลักษณะที่เหมาะสม ฟ้าจะเป็นตัวของตัวเอง
ข้อสอบมีสามส่วนใหญ่ๆ ส่วนแรก คือ แบบทดสอบบุคลิกภาพ ซึ่งเหมือนข้อสอบแนะแนวสมัยฟ้าเรียนมัธยมปลาย ส่วนที่สองเป็นข้อสอบความรู้ด้านต่างๆ เช่น ภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์เบื้องต้น ความรู้ทั่วไป ความรู้เกี่ยวกับบริษัท และจะมาปิดท้ายส่วนที่สามกับแบบทดสอบบุคลิกภาพอีกรอบ อันนี้แหละที่ว่ากันว่าถ้า “พยายามตอบแบบไม่เป็นตัวเอง” ในส่วนแรก เมื่อผ่านการทำข้อสอบมาจนถึงส่วนที่สาม น้อยคนนักที่จะ “พยายาม” ไหว ฟ้าเลือกเป็นตัวของฟ้าเอง
ฟ้าผ่าน
รอบสุดท้าย จะว่าไปจริงๆ ยังมีสอบว่ายน้ำและตรวจร่างกายอีก แต่ฟ้ามั่นใจในสายเลือดเงือกสาวและความไม่มีโรคของตน รอบนี้จึงนับว่าเป็นรอบสุดท้ายของฟ้า
การทดสอบรอบนี้จะเป็นการทำกิจกรรมกลุ่มและการสัมภาษณ์กับคณะกรรมการ กลุ่มฟ้ามีทั้งหมดหกคน พวกเราได้รับโจทย์มาให้แก้ในเวลาที่กำหนด โจทย์ประมาณว่า
จะต้องขนย้ายสัตว์จากฟาร์มเราไปที่ฟาร์มลูกค้า มี ม้า 15 ตัว หมู 50 ตัว กระต่าย 100 ตัว (เลขสมมตินะคะ) ใช้รถในการขน ถ้าขนม้าอย่างเดียวจะได้ม้าเที่ยวละ 4 ตัว ถ้าขนหมูอย่างเดียวจะได้หมูเที่ยวละ 6 ตัว ถ้าขนกระต่ายอย่างเดียวจะได้กระต่ายเที่ยวละ 12 ตัว แต่ถ้าขนม้า 3 ตัว จะยังเหลือที่สำหรับหมูอีก 1 ตัว และกระต่ายอีก 3 ตัว แต่ถ้าขนหมู 4 ตัว จะยังเหลือที่สำหรับกระต่ายอีก 7 ตัว ฯลฯ รถวิ่งไปกลับเที่ยวละ 30 นาที ใช้เวลาขนขึ้นลงครั้งละ 10 นาที คำถามคือจะต้องขนอย่างไรให้ใช้เวลาน้อยที่สุดและใช้เวลาเท่าไร
ไม่ต้องคิดกันนะคะ บอกแล้วว่าเลขสมมติ
กลุ่มเราก็ช่วยเหลือกันอย่างดีค่ะ ฟ้าพอจะรู้ว่ากรรมการจะพิจารณาความสามารถในการทำงานเป็นทีม ฟ้าก็เปิดโอกาสให้เพ่ือนพูดบ้าง ฟ้าพูดเองบ้าง จนสุดท้ายพวกเราก็ได้คำตอบออกมาว่าถ้าใช้รถหนึ่งคันขนสัตว์ทั้งหมดนั้น จะทำอย่างไรและใช้เวลาเท่าไร และหายนะก็เกิดขึ้นเมื่อ ….
มีเพื่อนในกลุ่มคนหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “เอาล่ะค่ะ ทีนี้เรามาคิดในกรณีที่มีรถสองคันกัน”
ฟ้างง ฟ้างงว่าจะคิดกรณีมีรถสองคันทำไม จริงอยู่ว่าโจทย์ไม่ได้บอกจำนวนรถ แต่ตามลักษณะโจทย์ทั่วไปมันก็ต้องเป็นเช่นนั้นสิ ฟ้าเลยพูดออกไปว่า
“ถ้าจะคิดกรณีที่มีรถสองคัน ก็คิดกรณีที่มีรถ 165 คันไปเลยสิคะ ขนได้พร้อมกันทั้งฟาร์มเลย”
หมดเวลา ทุกคนแยกย้ายกันไปสัมภาษณ์เดี่ยวต่อ
กลับถึงบ้าน ฟ้าทึ้งหัวตัวเองเบาๆ เสียดายที่ประคองสติได้ดีโดยตลอด แต่มาพลาดเอาตอนท้าย คือการทดสอบด้วยการทำกิจกรรมกลุ่มนี้ ผลลัพธ์ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดค่ะ หากแต่คือกระบวนการทำงานร่วมกัน ถ้อยถีถ้อยอาศัย รับฟังความคิดเห็นของสมาชิกในทีม ที่สำคัญมากคือการไม่หักล้างความคิดเห็นของผู้อื่น เราต้องมีวิธีพูดแบบสวยๆ เช่น “เป็นความคิดที่ดีนะคะ แต่ฟ้าขออนุญาตเสนออีกแนวทางว่า…” ฟ้าพลาดค่ะ และใช่ค่ะผลออกมาก็คือฟ้าไม่ผ่านรอบนี้
เส้นทางการจะเป็นแอร์ของฟ้ายังไม่จบแค่นี้หรอกนะคะ ยังมีอีกเยอะ เพราะถ้าฟ้าต้องการ ฟ้าก็จะเอาให้ได้
ฟ้าอยากเป็นแอร์ค่ะ