นั่งเขียนบทความนี้กลางเดือนกันยายน 2560 ช่วงที่กระแสละคร “เพลิงบุญ” มาจริงๆ คอละครพูดกันถ้วนทั่ว คอไม่ละครหลายคนก็ดู หรือแม้ไม่ดูก็ต้องรับรู้ถึงการมีอยู่ของ “ใจเริง” ไม่มากก็น้อย กระแสที่ว่านั้นมีทั้งด้านชมที่ว่าละครสนุก เผ็ด มันส์ และด้านติงว่านางเอกอดทนจัง พระเอกก็แสนเลวแต่เดี๋ยวสุดท้ายก็ได้รับการให้อภัย นี่หรือละครไทยในยุค 4.0
“พิมาลา” หรือ “พิม” นางเอกของเรื่องถูกพูดถึงเรื่อยๆ ในเรื่องความอดทนที่มากเกินไป ความใจเย็นที่ดูเหมือนโง่ หรือแม้แต่การต่อสู้ ที่ถึงขนาดลุกขึ้นมาประกาศว่า “พิมที่แสนดียังอยู่ แต่พิมที่โง่ได้ตายไปแล้ว” ไว้ แต่ต่อมาก็ไม่เห็นทำอะไรนอกจากรอผัวกลับมาอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ จะหย่าก็ไม่เด็ดขาด
จนบางคนตั้งคำถามว่า เป็นไปได้ไหมที่จะมีละครที่ผู้หญิงลุกขึ้นสู้บ้าง เมื่อเจอผู้ชายโดยเฉพาะที่ได้ตำแหน่งเป็นสามีหรือผัว แล้วเลว นอกใจ มีชู้ ฝ่ายหญิงจะเข้มแข็ง มีวุฒิภาวะมากพอที่จะคิดเลือกทางดำเนินชีวิตแบบที่มนุษย์ฉลาดๆ เขาพึงกระทำกัน เป็นไปได้ไหม
ย้อนไปเมื่อเดือนสิงหาคมปีเดียวกันนี้ “คุณแม่เลี้ยงเดี่ยวหัวใจฟรุ้งฟริ้ง” ออกอากาศ ว่าด้วยเรื่องของ “มุลิลา” หรือ “มู่ลี่” ผู้หญิงที่จับได้ว่าผัวตนนอกใจ เธอตัดสินใจย้ายออกจากบ้าน เอาลูกมาเลี้ยงเองเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว หางานทำ พยายามจัดสรรชีวิตให้ลงตัวระหว่างการเอาใจใส่ดูแลลูก กับการต่อสู้ในชีวิตการทำงาน และหย่าในที่สุด
ปกติเวลาพูดถึงเรื่องความรัก ฉันจะยึดคติของพี่อ้อยเสมอ ว่าเรื่องคนอื่นน่ะเราเก่งเราฉลาดค่ะ เราคิดได้พูดได้ว่าทำไมทำแบบนี้ทำไมไม่ทำแบบโน้น เพราะเรามองจากมุมคนดู แต่เมื่อไรที่เป็นเรื่องตัวเอง แม้จะซ้ำกับเรื่องที่เคยเห็นเคยฟังมา กลับหน้ามืดตาลายน้ำในหูไม่เท่ากันจนทำอะไรเบลอๆ งงๆ ชนิดที่ตัวเองในอนาคตย้อนมองก็คงถามว่า “มึงทำอะไรของมึ้งงงงงงงงง”
กลับมาที่ละคร บุญบาป! ที่อิฉันก็ดันได้ร่วมอยู่ในเส้นทางชีวิตของทั้งพิมและมู่ลี่ ในฐานะของ “แมน” และ “ดอลลี่” ตามลำดับ
ในส่วนมู่ลี่นั้น ดอลลี่เห็นด้วยและสนับสนุนที่นางจะเลิกจะหย่า ยืนหยัดเลี้ยงลูกคนเดียวให้จงได้ แถมยังส่งเสริมให้หาพ่อใหม่ให้หลานอีกต่างหาก
แมนเอง แม้จะไม่ได้พูดชัดๆ ว่าไม่เห็นด้วยกับการกระทำของพิม แต่ก็พยายามพูดให้ได้คิด และมองบนบ่อยครั้งที่พิมกำลังก้าวข้ามเส้นเข้าไปในเขตโง่
ระหว่างถ่ายทำ อิฉันและนักแสดงบางคนก็บ่นอุบบ่นอิบว่าอีพิมนี่ทนทำไม โง่เนอะ เชื่อเพื่อน ใจเริงนี่ดูร้อยเมตรก็รู้ว่าไม่มาดี ยังไปไว้ใจ พาเข้าบ้าน ผัวมีพิรุธดูเหมือนจะเอ๊ะใจ เอ๊า ผัวบอกไม่มีอะไร ก็เชื่อว่าไม่มีอะไร ทุกครั้งที่มีใครพูดอะไรเช่นนี้ เบลล่า ผู้รับบทพิม ก็จะมีคำตอบให้พวกเราได้ทุกครั้ง
ซึ่งเป็นคำตอบที่บางทีก็เห็นด้วย บางทีก็ไม่เห็นด้วย แต่เป็นคำตอบที่เข้าใจได้
เวลาสอนการแสดง (ค่ะอิฉันเป็นครูสอนการแสดงด้วย) หลายครั้งนักเรียนจะพูดว่า “ไม่น่าจะมีใครทำแบบนั้นแบบนี้” ฉันก็จะตอบว่า เธอๆ แม่ฆ่าลูก ลูกฆ่าแม่ ก็มีให้เห็นจริงๆ ในข่าวเนอะ แทนที่จะมาคิดว่ามีหรือไม่มีใครทำแบบนั้นแบบนี้ เอาเวลามานั่งวิเคราะห์สิว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้นแบบนี้
เวลาแสดง (ค่ะอิฉันเป็นนักแสดงด้วย อ้าว รู้แล้วหรอ) ฉันถูกฝึกมาไม่ใช่แค่พูดตามบท แต่ต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า ทำไมพูดแบบนี้ ทำไมทำสิ่งนี้
พอดูละคร ก็มักจะแทนค่าตัวเองในสมการแทนตัวนางเอก (ค่ะอิฉันอยากเป็นนางเอก) อย่างบทพิมก็เคยแทนค่านะคะ แล้วก็รู้สึกเจ็บลึกๆ ด้วยว่า เรามีเหตุผลของเรา ทำไมคนอื่นไม่เข้าใจเราบ้าง …. อย่าอินเกิน (มาช่า,2560)
ทั้งนี้ ไม่ได้บอกว่าสิ่งที่พิมทำคือสิ่งถูก ไม่ได้บอกว่าใครเจอเรื่องอย่างนี้ให้ทำแบบพิมแล้วจะจบดีแบบนาง เพื่อนๆ และคนใกล้ชิดที่ดู ก็ไม่มีใครพูดว่า “พิมเก่งมากที่อดทนแบบนี้” ทุกคนล้วนมองบน บ่น ก่นด่า กันทั้งนั้นค่ะ และละครก็ไม่ได้เสนอภาพว่า พิมอดทนอย่างมีความสุขในทุ่งลาเวนเดอร์ของหล่อน ไม่เลย แต่เราก็เห็นว่าทนไปก็เจ็บ ทนไปก็มาร้องไห้ ทนไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
ชื่อเรื่อง “เพลิงบุญ” ก็คือ ไฟจากการทำบุญของพิมนี่แหละค่ะ ซึ่งเมื่อคืนก่อนละครก็เพิ่งพูดประเด็นนี้ ซึ่งอิฉันขอยกให้เป็นแก่นนึงของเรื่องเลยที่ว่า “การทำบุญนั้น คือการให้สิ่งที่สมควร ในเวลาที่สมควร แก่ผู้ที่สมควร”
“ไม่ชอบก็ไม่ต้องดู”
เมื่อก่อนอิฉันเกลียดประโยคด้านบนมากค่ะ มีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้ ไม่ชอบแต่ก็จะดู ไม่ดูจะด่าถูกได้ไงล่ะว่าไม่ดียังไง จะดู ดูแล้วจะไล่ด่าไปเรื่อยๆ นี่แหละ
แต่เดี๋ยวนี้เรื่องไหนไม่ชอบ อิฉันไม่ดูจริงๆ ค่ะ ผ่าน ละครตอนนี้มีเยอะมาก แค่ไล่ดูละครที่ชอบให้ครบก็หมดเวลา แทบไม่เหลือไปตามเดอะเฟซเมนเลย (ว่าจะเลิกดูเดอะเฟซเมนแล้ว เพราะวันนี้กุนแฟนอิฉันโดนแว่นกายสิทธิ์ของพี่หมูคัดออก)
กลับมาที่ละคร! คือตอนนี้นอกจากจะบอกว่า “ไม่ชอบก็ไม่ต้องดู” อยากจะขอเพิ่มอีกประโยคค่ะ “ชอบ ก็ช่วยดูด้วย”
อิฉันคือทาสทีวีค่ะ เติบโตมากับละครไทย ถามว่าละครตบตีแย่งผู้นี่มีมาทุกสมัยใช่ไหม ก็ตอบว่าใช่ แต่เดี๋ยวนี้มีละครแนวอื่นมากมาย และหลายเรื่องทำได้ดีมีกระแสด้วย ล่าสุดก็เช่น “พี่น้องลูกขนไก่” ได้ดูกันไหมคะ
ผู้จัดละครหลายท่านก็อยากทำละครสร้างสรรค์สังคมนะคะ แต่ถ้าทำแล้วไม่มีคนดู ไม่มีเรตติ้ง มันมีผลกับเรื่องรายได้ค่ะ
ก็ทำออกมาเยอะๆ เดี๋ยวคนก็ดูเอง
ก็ดูเยอะๆ สิ เดี๋ยวก็มีคนทำออกมาเอง
มันก็วนไปวนมาอยู่แบบนี้ ฉะนั้น เริ่มที่เราได้นะคะ เขาทำมาแล้ว ก็ดูกันด้วยค่ะ
เขียนไปเขียนมาชักจะยาว มาถึงช่วงท้ายกันแล้วค่ะ ไหนๆ เพลิงบุญก็โดนตั้งคำถามเยอะ แล้วอิฉันยกคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวฯ มาเปรียบ บางทีก็คิดนะคะ ว่าทำไมไม่มีใครตั้งคำถามบ้าง สมมติจะให้อิฉันตั้งคำถามกับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวฯ บ้าง จัดให้ค่ะ
โลกสวยไปไหมคะ จับได้ว่าผัวนอกใจ แยกกับผัว เอาลูกมาเลี้ยงเองทั้งๆ ที่เงินก็มีไม่มาก ไปอยู่คอนโดก็ห้องซะใหญ่ ต้องหางานทำ โอ๊ย มีเพื่อน(สวยและแสนดี) เสนองานให้ แถมพอไปหยิบจับอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อนก็กลายเป็นทำได้ดีไปหมด งานรุ่ง แล้วยังมีผู้ชายมารุมจีบสองคนทั้งวัยหนุ่มวัยผู้ใหญ่ ท้ายๆ ผัวเก่ายังกลับใจ ไม่ได้เป็นสามีภรรยาแต่ก็ร่วมกันทำหน้าที่พ่อแม่ โอ๊ย กลิ่นลาเวนเดอร์ฟรุ้งฟริ้งไป๊ เกินจริง!
ตกลงว่าสังคมเรามีคนแบบไหนกันบ้างคะ เคยเจอคนแบบพิมไหม เคยเจอคนแบบมู่ลี่ไหม
ไม่ว่าจะเคยเจอหรือไม่ หากได้รับรู้เรื่องราวของพวกเธอ เราพร้อมรับฟังเหตุผลของการกระทำต่างๆ ไหม
แล้วเราได้เรียนรู้อะไรบ้างไหมจากการต่อสู้ของเธอ การต่อสู้ในแบบของเธอแต่ละคน
___________________________________
ผู้เขียน
คุณก้อง นักแสดงและพิธีกรมีชื่อ ผู้เชื่อว่าข้าวมันไก่ไม่เอาหนังควรเป็นสิ่งผิดกฎหมาย