ดีใจที่ไม่ได้เล่นเรื่องนี้ – วัยแสบสาแหรกขาด

บรรยากาศการทำงานกับมาสเตอร์วันใน “ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล” และ “นางสาวทองสร้อย” นั้นถือว่าดีถึงขั้นดีมาก เมื่อใกล้ปิดกล้องนางสาวทองสร้อยก็แอบหวังในใจว่าเรื่องต่อไปจะได้เล่นอีก ถามไปถามมาจนได้ความว่าเรื่องต่อไปชื่อ “วัยแสบสาแหรกขาด” คือเรื่องอะไร เกี่ยวกับอะไร ทำไมไม่บ้านแตก ทีมงานเล่าว่าเป็นเรื่องของเด็กๆ ที่มีปัญหาและมีคุณครูเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านั้น ไหน ไหนคือความรักของพระนาง ไม่มีพูดถึง จะสนุกใช่ไหม หรือจะออกมาเหมือนละครน้ำดีส่วนใหญ่ (ย้ำว่าแค่ส่วนใหญ่ ไม่ใช่ทั้งหมด) ที่มักน่าเบื่อ เดินเรื่องเนิบนาบ เนื้อหาหนัก ต้องตั้งใจดู ต้องตีความ ต้องวิเคราะห์ แต่ก็ยังอยากเล่นอยู่นะ จนเมื่อรู้ว่าไม่ได้เล่น ก็เสียใจนิดหน่อย (นิดเดียวจริงๆ เพราะเชื่อใจในค่ายนี้ว่าเลือกนักแสดงเหมาะสมกับบทเสมอ ไม่ได้เล่นไม่ใช่เราไม่ดีแต่เป็นที่ความเหมาะสม) แล้วสุดท้ายก็ไม่ได้ติดตามข่าวละครเรื่องนี้นัก จนเมื่อละครจะฉาย เป็นจังหวะเดียวกับที่เริ่มถ่ายทำละครเรื่องต่อไปของค่ายนี้ (ซึ่งได้เล่น เย่ๆ และบทนี้เหมาะสมมาก รอดูกันนะ อะ ข้ามไปก่อนไม่ใช่ประเด็นตอนนี้) ทั้งผู้จัดและนักแสดงต่างลุ้นและฝากให้ช่วยดูช่วยเชียร์ช่วยวิจารณ์ละครเรื่องนี้ แต่พอเอามาบอกกับเพื่อนๆ ประมาณแปดในสิบคนจะพูดว่า “เรื่องไรอะ ดูเครียด ชีวิตก็เครียดมากพอแล้วนะ อยากดูอะไรที่มันผ่อนคลายสนุกๆ” ซึ่งก็ได้แต่ตอบกลับไปว่า “เหย รอดูก่อน” ทั้งๆ ที่ใจก็ยังลุ้นเหมือนกันว่าละครแนวนี้จะออกมาเป็นอย่างไร …. จริงๆ…

จุดไล่แขก

รายการ Take Me Out Thailand วันที่ 27 ธันวาคม 2557 สร้างความฮือฮาด้วยการเชิญคุณมิก สาวประเภทสอง รองมิสทิฟฟานี่ปี 2014 มายืนท่ามกลางหนุ่มโสดสามสิบคน ไฟดับไปทันที 22 ดวงเมื่อเธอบอกถึงเพศสภาพของเธอ แต่ในท้ายสุด มีผู้ชาย 5 คนเปิดไฟรอเธอ และสุดท้ายของท้ายสุด คุณกันดั้ม พิชิตใจเธอได้สำเร็จ (ขอบคุณภาพจาก youtube.com Take Me Out Thailand) ความงดงามของเทปนี้คือการพูดจาตอบคำถามของคุณมิก ที่ก้องขอชื่นชมว่าเธอตอบได้งดงามมาก ทั้งเนื้อความที่ตอบ กริยาและน้ำเสียงที่ใช้ รอยยิ้มที่พิมพ์อยู่บนใบหน้าเธอเสมอ เธอกล่าวว่าเหตุผลหนึ่งที่เธอมารายการนี้เพื่อหาคำตอบว่า จะมีหนึ่งคนไหมที่พร้อมจะเปิดใจให้เธอ เธอได้คำตอบ และเป็นคำตอบที่ให้กำลังใจคนอีกหลายคน ประเด็นที่เธอโดนดับไฟไปทันที 22 ดวงนั้น หลายคนยอมรับได้ด้วยเหตุผลว่าผู้ชายกับสาวประเภทสองจะไปคู่กันได้อย่างไร หลายคนตำหนิว่าทำไมมองแค่เรื่องเพศ ไม่พิจารณาให้ดีถึงตัวตนที่แท้จริงของคนคนนั้นก่อน คนเราทุกคนจะมีคุณสมบัติอย่างน้อยหนึ่งอย่าง อาจเป็นที่รูปร่าง หน้าตา บุคลิก ฐานะ การศึกษา ชาติตระกูล หน้าที่การงาน ฯลฯ มาจากด้านไหนก็ได้…

เอ็กซ์ตร้า ห้าร้อย

หนึ่งในประสบการณ์การแสดงที่จะเล่าไปชั่วลูกชั่วหลาน กับการรับหน้าที่ “เอ็กซ์ตร้า ห้าร้อย” ในภาพยนตร์ “เพื่อนสนิท” ตอนที่เรียนอยู่ปี 3 รุ่นน้องคณะได้มาชวญให้ไปเต้นในฉากหนึ่งในภาพยนตร์ ด้วยทักษะการเต้นที่สูงส่ง…หรา เมื่อน้องกล้าชวน พี่ก็กล้าไป หลังจากซักซ้อมกันจนได้ท่าเรียบร้อย วันถ่ายทำก็มาถึง พวกเราเดินทางสู่เขาใหญ่ (ใช่มั้ยนะ) ไปถึงราวๆบ่ายสองบ่ายสาม วู้ววว ท้องทุ่งกว้างใหญ่ อากาศเย็นกำลังดี เวทีใหญ่โต โอ้ววว ตื่นเต้นมาก พวกเราทานข้าว เตรียมตัวแต่งหน้าทำผม รอให้พระอาทิตย์ตกดิน เพราะฉากนี้เป็นฉากกลางคืน ตอนนั้นไม่ได้รู้เส้นเรื่องอะไรมาก รู้แค่ว่าเป็นฉากที่พระเอกนางเอกมางานคอนเสิร์ต เราก็เป็นแดนเซอร์อยู่บนเวที เต้นแรงๆ แต่หน้าตาย จบ พระอาทิตย์ตกดิน ไฟส่องสว่าง ได้เวลาที่พวกเราจะวาดลวดลายกันแล้ว ทุกคนพร้อมบนเวที พร้อม แอคชั่น! ทันทีที่เพลงมา พวกเราก็เต้นตายถวายชีวิตอย่างพร้อมเพียง สนุกสนาน กล้องก็เก็บภาพเราทั้งมุมไกล มุมใกล้ เต้นไปประมาณสี่ห้ารอบเห็นจะได้ คัท! โอเค ผ่าน ก้องโล่งใจที่งานผ่านไปได้ด้วยดี แต่ ความสนุกที่แท้จริงกำลังจะตามมาต่อจากนี้ คือตอนนั้นก็ยังใสๆไม่รู้เรื่องราวการถ่ายทำอะไรนัก จึงเข้าใจไปว่าเสร็จแล้ว ทว่าทีมงานยังไม่ได้ถ่ายจุดสำคัญก็คือพระนางที่ต้องเต้นอยู่ข้างล่าง อยู่ท่ามกลางผู้ชม…

หรือจะเป็นเรา…ที่พี่เขากล่าวถึง

วันก่อนพี่เหมี่ยวปวันรัตน์ลงข้อความถึงลักษณะของนักแสดงอันไม่พึงประสงค์ในกองถ่าย กลายเป็นเรื่องราวสืบค้นกันใหญ่โตว่าหมายถึงใครกันแน่ เครดิต: Pawanrat Naksuriya ก้องก็มานึก เอ๊ะๆ รึเราอ่านภาษาไทยไม่แตก คือเท่าที่ได้อ่าน มันได้อารมณ์ประมาณเล่าสู่กันฟัง เล่าความจริงเรื่องจริงที่เจอมาเนืองๆ หาได้มีเจตนาพาดพิงหรือตำหนิบุคคลใดบุคคนหนึ่งไม่ ถ้าย้อนถามก้องกลับว่าแล้วเคยเจอคนที่ทำตัวเช่นนั้นหรือไม่ ตอบตรงๆก็เจอบ้าง แต่ไม่ใช่ว่าคนหนึ่งคนจะทำหมดทุกอย่าง บางคนก็เป็นแค่บางข้อ และระดับความรุนแรงก็ไม่ใช่ขนาดคอขาดบาดตายสักทีเดียว หยุด อย่ามาขอให้เม้าให้เล่า แน่ะ ตื้ออีก มา เล่าก็เล่า เม้าก็ได้ แต่เม้าคนอื่นก็คงไม่มันเท่าช่วงนี้เลย (กรุณาทำท่า 3 สเตปแบบรายการคันปาก) ช่วง “เม้า ตัว เอง” (บอกก่อนว่าก้องไม่รู้จักพี่เหมี่ยวเป็นการส่วนตัว แต่รักและเคารพพี่เหมี่ยว ข้อความต่อไปนี้ไม่ได้มีเจตนาว่าพี่เหมี่ยวพาดพิงถึงก้อง แต่ก้องเองก็ได้มามองตัวเองว่าเราได้ทำอะไรที่ไม่ควรไปหรือไม่ ขอบคุณพี่เหมี่ยวครับ) – ได้บทแล้วไม่ท่อง ไม่อ่าน ไม่เอามา ท่องนะ อ่านด้วย เอาฉบับกระดาษไปแทบทุกครั้ง บางครั้งที่ไม่เอาไปคือดูในอีเมล์เอา – มาสาย แล้วบอกว่ารถติด แต่คนที่มาทางเดียวกันไม่ติด เคยสาย ด้วยเหตุผลรถติด ติดจริงไม่อิงนิยาย ก็โทรบอกระหว่างทางว่ารถติด (ตอนนี้ห้ามใช้มือถือ ก็ไม่รู้จะบอกกองยังไง)…

The Winner Is เราจะเอาเงิน 10 ล้าน ไปทำอะไร

บาดหัวใจเหลือเกินสำหรับรอบชิงชนะเลิศรายการ The Winner Is Thailand ผู้เข้าแข่งขันทั้งสองทีมต้องเลือกระหว่างการไปลุ้นเงิน 10 ล้านบาท หรือรับแน่ๆ 1 ล้านบาทตรงหน้า ซึ่งกว่าจะมาถึงจุดนี้แน่นอนว่าทั้งสองทีมได้ปฏิเสธเงินมาทุกรอบก่อนหน้า พิธีกรถามคุณโอ หนึ่งในผู้เข้าแข่งขัน ก้องไม่รู้ว่าความต้องการของคุณโอคืออะไร แต่เขาพูดไว้ประมาณว่า ความฝันของเขาต้องเป็นเงินจำนวน 10 ล้านบาท อีกฝั่งหนึ่ง คุณพ่อกับคุณแม่ของน้องทูโทนแนะนำน้องว่า ให้เลือกรับ 1 ล้านบาท ด้วยประโยคหนึ่งที่ว่า เพียงแค่นี้ก็พอแล้ว ก็เลยมานึกว่า ถ้าต้องไปยืนอยู่ตรงนั้น ด้วยคะแนน 52-49 ก้องจะเลือกเงินจำนวนไหน ตอบยากมากจริงๆครับ เลยคิดต่อว่าทำไมยาก ก็ได้คำตอบว่า เพราะเราไม่รู้ว่าเราต้องการเงินไปทำอะไร ถ้าเรารู้ว่าเราจะทำอะไรกับชีวิต เราจะประเมินต่อว่าต้องใช้เงินเท่าไร และถ้าคำตอบที่ได้คือน้อยกว่าหนึ่งล้านบาท การเลือกรับเงิน 1 ล้าน จะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ถ้าต้องใช้ 1 ล้าน 1 พันบาท … อืม เอาล้านนึงละกัน อีกพันนึงหาได้ แต่หากความต้องการหรือความฝันนั้นต้องใช้เงิน 5 ล้านบาท ไม่มีทางเลยครับที่เราจะเลือก…

ยินดีที่จะได้รู้จัก

ช่วงนี้ละคร ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหลออกอากาศ ก็มีคนเข้ามาทักทายเยอะขึ้นซึ่งบอกเลยว่าแฮบปี้นะครับ แต่ แต่ ในทุกข์มีสุข ในสุขก็มีทุกข์ ว่าด้วยละครเรื่องนี้เริ่มถ่ายตั้งแต่กันยายนปี 2556 ผ่านมาครึ่งปีจึงออกอากาศ สังขารก็บ่ายโมงบ่ายสอง (ไม่เที่ยง) บ้างเป็นธรรมดา ช่วงเริ่มถ่ายก้องหนักประมาณ 84-85 แต่ตอนนี้ เมษายน 2557 ที่ละครออกอากาศนั้นก้องก้าวสู่การเป็นศิลปินยุค ’90 แล้ว 555 คือหนักมาก เก้าสิบ++ ละครับ แฟนๆที่เข้ามาทักก็จะมีว่า “อ้วนกว่าในทีวี” “ในทีวีดูตัวเล็กนะ” “โหไม่นึกว่าจะอ้วนขนาดนี้” มากมายไปจนถึงเช้านี้ก้องลงไปซื้อข้าวในซอย มีคนเดินมาจิ้มพุงเลยคร่า จิ้มหลายทีด้วยคร่า คุยไปจิ้มไปคร่า ขอแวะถามให้คิดตามกันว่า สมมติเราเดินๆอยู่ แล้วมีคนที่ไม่รู้จักเดินมาวิจารณ์รูปร่างหน้าตา เข้ามาสัมผัสร่างกายเรา เราโอเคมั้ย ขออนุญาตบอกตามตรงว่าก้องไม่ค่อยโอเคนะครับ ถ้าเป็นสมัยก่อนที่ไม่มีชื่อเสียงรับรองว่ามีตอบโต้ … แต่ถ้าไม่มีชื่อเสียงก็ไม่มีใครทักหรอกเนอะ … ปัญหามันจึงช่วงนี้ละครับที่คนเข้ามาทัก ก้องเลยมาวิเคราะห์ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร เป็นไปได้ว่า เราเห็นนักแสดงในทีวี ในสื่อต่างๆเป็นประจำ ทำให้เรารู้สึกคุ้นเคย เจอกันบ่อย รู้สึกไปว่ารู้จักกัน โดยลืมนึกไปว่าฝั่งนักแสดงนั้นยังไม่เคยได้รู้จักเราเลย ก้องยินดีเสมอที่จะมีใครเข้ามาทักทาย พูดคุย ขอถ่ายรูป…

กินรีสีรุ้ง : ออดิชั่น

อย่างที่เคยบอกว่าก้องมีฝันที่จะได้เล่นละครเวที และให้แคบลงอีกนิด หนึ่งในฝันแตกย่อยคือการได้เล่นละครเวทีของรัชดาลัย การออดิชั่นของรัชดาลัยจะแบ่งเป็นหลายรอบ รอบแรกจะเป็นการดูทักษะด้านการร้องและการเต้นเป็นหลัก ถ้าผ่านก็จะต้องรอออดิชั่นต่อในช่วงค่ำหรือวันรุ่งขึ้นกับทักษะที่ยากขึ้น และอาจมีการให้ทดสอบการแสดงในบทต่างๆด้วย ก้องเองก็ผ่านมาทุกรูปแบบ ทั้งแบบที่ผ่านไปรอบลึก ลึกๆ ลึกๆๆ ลึกที่สุด ดึกมาก ได้แน่ ยืนหน้ากระดานรอฟังประกาศผล นี่ฉันมาออดิชั่นละครเวทีหรือเดอะสตาร์ แต่นั่นล่ะ ไม่ได้ไปต่อ หรือแม้กระทั่งแบบ ตก ตั้งแต่รอบเต้น ช่วงต่อมาเริ่มตั้งสติได้ว่า เอ๊ะ บางเรื่องนั้นรอบแรกดูแค่ร้อง บางเรื่องดูแค่เต้น บางเรื่องดูคู่กัน อ๋อ นั่นก็เพราะความต้องการนักแสดงในแต่ละเรื่องนั้นไม่เหมือนกัน เมื่อคิดได้ก็บอกตัวเองว่าครั้งหน้าจะต้องทำการบ้านล่วงหน้าให้ดี และวันนั้นก็มาถึง ประกาศรับสมัครนักแสดงสมทบ La Cage Aux Folles แว่วๆนะชื่อนี้ ได้ยินมาบ้าง และรู้จักเพลง I am what I am (ซึ่งตอนนั้นก็ยังร้องไม่เป็น) เสิชเลย เปิดคอมท่องเวบ หาข้อมูล ดูคลิปของต่างประเทศที่เคยทำเรื่องนี้มา หวายหวาย มีแต่นางโชว์ชายทั้งนั้นเลย เข้าทาง เอาวะเอาเหวย ได้แน่เรางานนี้ และเมื่อถึงวันออดิชั่น คุณพระคุณเจ้า…

ออดิชั่น เอาดิฉัน

ฝันของก้องคือโลดเล่นอยู่ในแสงไฟบนเวที นับย้อนไปตั้งแต่เล่นละครรอบกองไฟเข้าค่ายลูกเสือตอน ป.5 อุ่ย นานไปเนอะ เลื่อนมาหน่อยดีกว่า เริ่มแสดงละครเวทีจริงจังชนิดขายบัตรเข้าชมก็ตอนเรียนเตรียมอุดมศึกษาชั้น ม.5 เข้านิเทศศาสตร์จุฬาฯก็ได้แสดงละครเวทีคณะตลอดสี่ปี ความฮึกเหิมมีเต็มหัวใจ “นักแสดงละครเวที” อาชีพนี้นี่ล่ะที่จะคว้าไว้ให้จงได้ ค่ายละครเวทีใหญ่ที่ก้องเล็งตอนนั้นก็คือ เอ็กแซค (หรือที่แตกมาเป็นซีเนริโอในปัจจุบัน) ได้ชมผลงานค่ายนี้ครั้งแรกเรื่อง บัลลังก์เมฆเมื่อปี 2544 แล้วมัน แว้บ ว้าว โว้ว ใช่เลย โดนใจ เป๊ะทุกอย่าง อยากร่วมแสดงในละครแบบนี้ ปี 2547 ก้าวลงสนามชิงชัยด้วยใจมุ่งมั่นกับการออดิชั่นละครเวทีเรื่อง บางกอก 2485 มั่นมาก ได้แน่ ผมคือ ได้รับสิทธิ์ในการกลับไปศึกษาต่อ เชิญค่ะ แต่ถ้าเรายังอยาก เราก็ต้องยังสู้ ก้องก็เข้าออดิชั่นมาเรื่อยๆ เท่าที่จำได้คือ ทวิภพ(แคสพี่แพท/ได้ชัวร์เพราะหน้าไทย) ฟ้าจรดทราย(ได้ชัวร์เพราะหน้าแขก) ลมหายใจ(ได้ชัวร์เพราะร้องดี/เข้าข้างตัวเอง) ทวิภพ(แคสพี่นัท/ได้ชัวร์เพราะเคยดู/ใช่เหรอ) กินรีสีรุ้ง(ได้ชัวร์เพราะเรื่องตรง) หงส์เหนือมังกร(ได้ชัวร์เพราะ…) มิสไซ่ง่อน(ได้ชัวร์เพราะ…) ลำซิ่งซิงเกอร์(ได้ชัวร์เพราะ…) และจากการออดิชั่นทั้งหลายทั้งปวงที่เป็นเพื่อนทุกข์นั้น ผ่าน จนได้แสดงทั้งหมด ดังนี้ กินรีสีรุ้ง … เรื่องเดียว…

ภัยร้ายโมเดลลิ่งปลอม

“เดินสยามอยู่เฉยๆก็มีพี่คนหนึ่งแนะนำตัวเองว่าเป็นโมเดลลิ่ง ให้นามบัตรมาแล้วนัดเข้าไปถ่ายรูป ทำอย่างไรดีคะ” ตอบง่ายมากครับ ถ้าไม่สนใจก็โยนนามบัตรทิ้งไปได้เลย แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นคงไม่นั่งอ่านบทความนี้หรอกเนอะ เมื่อสนใจก็อย่าชะล่าใจครับ นามบัตรที่ได้มาต้องมีชื่อนามสกุล เบอร์ติดต่อ สถานที่ตั้งสำนักงาน อีเมล์ เวบไซต์ แนะนำว่าให้โทรศัพท์เข้าไปสอบถามดูที่เบอร์ 02 เช็คว่าเบอร์จริงหรือไม่ เข้าเวบไซต์ดูรายละเอียดต่างๆ แล้วพิจารณาความน่าเชื่อถือ ถ้าพอไหว มีแววว่าจริง อ่านต่อ (แต่ประเภทมาลอยๆ แจกเบอร์ ขอเบอร์เฉยๆ แล้วนัดให้ไปเจอเลย ระวัง) เมื่อคิดแล้วว่าน่าจะเป็นโมเดลลิ่งจริงๆ ก็นัดหมายเข้าไปทำประวัติและถ่ายภาพ ซึ่งขนไปเถอะครับ คุณพ่อคุณแม่คุณแฟนคุณเพื่อน ไม่ต้องเกรงใจว่าเดี๋ยวพี่โมจะคิดว่าเราไม่ไว้ใจเขา คือเราหาคนไปเป็นเพื่อนเพื่อความปลอดภัย แต่ก็ไม่ต้องขนกันไปทั้งหมู่บ้านอันนั้นเกินไป เมื่อไปถึงก็สังเกตบรรยากาศ ที่ที่ดีกับที่ที่ไม่ดีฮวงจุ้ยมันต่างกันครับ เชื่อในสัญชาติญาณตัวเองได้ คุณพ่อคุณแม่สามารถอยู่กับเราได้ตลอดเวลาแม้กระทั่งตอนถ่ายรูป ประวัติต่างๆกรอกไปตามความจริง ความสามารถ งานที่รับได้ และเงื่อนไขต่างๆกรอกตามจริง (เช่น สามารถเปลี่ยนทรงผมสีผมได้หรือไม่ สามารถเต้นรำได้หรือไม่) มีเทรนเนอร์ที่ยิมมาปรึกษาว่าไปถ่ายรูปที่โมเดลลิ่งแห่งหนึ่งแล้วถูกถ่ายแบบถอดเสื้อถอดกางเกงเหลือแต่กางเกงชั้นใน โดนหลอกหรือไม่ อันนี้ต้องพิจารณาเป็นกรณีครับ กรณีพี่คนนี้ไม่น่าจะโดนหลอกเพราะคาดว่างานที่เหมาะกับพี่เขาอาจรวมไปถึงงานแฟชั่นชุดว่ายน้ำ เป็นธรรมดาที่โมจะขอดูความสมบูรณ์ของรูปร่าง อยู่ที่การพูดคุยและตกลงกัน แต่อย่าได้กังวลนะครับ ถ้าเขาจะให้เราถอดแต่เราจะไม่ถอด โมบังคับเราไม่ได้ครับ ส่วนถ้าเราเป็นเด็กใสๆธรรมดาประเภทเหมาะกับงานขนมขบเคี้ยวทั่วไปแล้วถูกบังคับให้ถอด แนะนำให้ถอยครับ สำคัญที่สุดคือ…

โมเดลลิ่งคืออะไร

เมื่อจะมีงานสักชิ้น ขอสมมติว่าเป็นละครโทรทัศน์ ผู้จัดก็ต้องจัดหานักแสดงมารับบทต่างๆ ผู้จัดสามารถประกาศออกไปในวงกว้างว่า “รับสมัครนักแสดง” พร้อมรายละเอียดของคาแรกเตอร์ต่างๆที่ต้องการได้ แต่ก็ต้องลุ้นว่าจะมีใครที่เหมาะสม ตรง ใช่ มาคัดเลือกหรือไม่ ดีไม่ดีอาจไม่มีใครทราบข่าวนี้เลยก็ได้ ทางที่มักใช้กันก็คือส่งข่าวนี้ให้กับ โมเดลลิ่ง โมเดลลิ่งคือศูนย์รวมผู้คนที่มีความต้องการจะเป็นนักแสดง นักร้อง พิธีกร นางแบบ ฯลฯ ก้องเองก็เคยทำงานเป็นผู้ช่วยฝ่ายคัดเลือกนักแสดงสำหรับงานโฆษณาชิ้นหนึ่ง หน้าที่แรกก็คือโทรศัพท์หาโมต่างๆ เพื่อขอ “วัยรุ่นชาย 20-25 ปีหนึ่งคน วัยรุ่นชาย 15-18 ปีหนึ่งคน วัยรุ่นหญิง 15-18 ปีสองคน ทั้งสี่คนต้องใส่ชุดว่ายน้ำได้” เพียงเท่านี้บรรดาโมก็ส่งรูปถ่ายพร้อมประวัติของน้องๆที่ “เข้าข่าย” มาให้เลือก เพื่อเรียกมาคัดตัวเป็นลำดับต่อไป เป็นการกรองคนรอบแรก แถมมั่นใจได้ว่าทุกคนที่มานั้นผ่านเงื่อนไขใส่ชุดว่ายน้ำได้ (ถ้าไม่ โมโดนนะ ฮึ่ม) อย่างที่บอกว่าโมเดลลิ่งคือศูนย์รวมผู้คน แต่หยุด อย่าได้คิดว่าจะมีแต่คนรูปร่างหน้าตาดีแนวพระเอกนางเอกเท่านั้น ในหนังหรือละครต่างๆ บทประเภท ผู้ร้าย แม่ค้า สาวใช้ คนสวน กว่า 50% ก็มาจากโมกันทั้งนั้น บางที่อาจมีคนในสังกัดหลากหลายให้ครบทุกความต้องการของผู้จัด ในขณะที่บางที่จะเฉพาะเจาะจง เช่น…

เส้นสายกับการเข้าสู่วงการบันเทิง

สังคมไทยยังเป็นสังคมอุปถัมภ์ฉันใด วงการบันเทิงไทยก็ยังเป็นวงการอุปถัมภ์ฉันนั้น ตลอดชีวิตในวงการบันเทิงที่ผ่านมาของก้อง แหมใช้คำซะเหมือนยาวนานราว 40 ปี บทบาทที่ผู้ชมยังคงติดตราตรึงใจ ได้แก่ พี่ตือโมเดลลิ่ง จากละครโทรทัศน์เนื้อคู่ประตูถัดไป ฮอตฮิตถึงขนาดมีเพจพี่ตือโมเดลลิ่ง และมีคนมาขอสมัครเข้าสังกัดจริงๆ แล้วชีวิตการเป็นพี่ตือโมเดลลิ่งนั้นเริ่มต้นได้อย่างไร ช่วงกลางปี 2551 ได้รับการติดต่อจากรุ่นพี่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ว่ารุ่นพี่กลุ่มหนึ่งได้รวมตัวกันสร้างละครโทรทัศน์ขึ้น และมีตัวละครหนึ่งอยากให้ก้องแสดง ไม่ถาม ไม่มีข้อแม้ รับเลย พี่ตือโมเดลลิ่ง ละครชุดนี้ทีมสร้างล้วนเป็นรุ่นพี่ในคณะทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับ ผู้ผลิต ทีมเขียนบท ไปจนถึงฝ่ายเสื้อผ้า อ่านมาถึงตรงนี้ก็ไม่ได้จะให้ใครถอดใจว่าอ้าว ฉันไม่ได้เรียนคณะนี้ ก็คือหมดโอกาสทำงานในวงการเลยใช่ไหม คำตอบมีชัดเจนว่า ไม่ใช่ ก้องเองเลือกเรียนคณะนี้ก็ไม่ได้หวังว่าจะเข้ามาเพื่อหาเส้นสายในการเข้าสู่วงการบันเทิง (แต่ใครจะมีจุดประสงค์เช่นนั้นก็ไม่ผิดนะ) เพียงจะบอกว่า เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าคนรอบกายจะนำพาโอกาสใดเข้ามาในชีวิตของเราเมื่อไร และโปรดอย่าต่อว่าตำหนิระบบเส้นสาย ลองนึกกันดูตามจริง หากเราต้องทำงานสักชิ้น และต้องการแรงงานมาช่วยเหลือ เริ่มต้นเราก็มองหาจากคนรู้จักใกล้ตัวกันทั้งนั้น แล้วถ้าไม่มีคนรู้จัก ไม่มีเส้นสายเลย จะทำเช่นไร ติดตามกันต่อไปครับ เรื่องราวในวงการบันเทิงยังมีอีกเยอะ …