30 พฤษภาคม 2559 ก้องเห็นรุ่นพี่คนหนึ่งโพสต์ข้อความเป็นภาษาอังกฤษว่า “Because life isn’t only photos and I liked this idea. . . I’m going to get into the game. The proposal is “shake” Facebook. Let’s see if it works. The game is a small test to see who reads the messages when there is no picture. Therefore, if you are reading…
ต้องรอด
มีเหตุการณ์หนึ่งในชีวิตที่คงจะฝังใจไปอีกนาน ปลายปี 2552 ออกจากงานประจำมาได้ห้าเดือน ขณะนั้นก็มีงานไม่ประจำทำอยู่ แต่พอเป็นคำว่าไม่ประจำ ก็คือมีให้ทำก็มีรายได้ ไม่มีให้ทำก็ไม่มีรายได้ เลิกขอเงินจากที่บ้านแล้ว (แต่ก็ยังไม่มีจะส่งให้) ทำบัญชีรายรับรายจ่ายสม่ำเสมอ ใกล้สิ้นเดือน เหมือนสิ้นใจ ธันวาคมเมื่อไรจะผ่านไป จำวันที่แน่ชัดไม่ได้ สมมติก็แล้วกันว่า วันที่ 28 จะได้เงินจากงานที่ทำ พอสักวันที่ 20 รู้สึกจะเหลือเงินไม่ถึงพัน ตอนนั้นมีบัญชีเงินฝากอยู่สองเล่ม พันนึงนี่คือรวมทั้งสองเล่มแล้ว แม่ถามเสมอว่ามีเงินใช้ไหม ตอบแม่ทุกครั้งว่ายังมี ไม่ต้องห่วง ไว้ถ้าไม่มีจริงๆ จะยืมแม่แหละ ไม่ไปกู้นอกระบบให้เสียดอกหรอก เราต้องรอด ต้องผ่านไปได้ และต้องผ่านไปได้ด้วยตัวเราเอง ครั้งนี้ก็เช่นกัน เงินไม่ถึงพันกับเวลาแปดวัน วันละ 125 บาท ต้องวางแผนว่าจะอยู่อย่างไร ยังมีค่าเดินทางไปทำงานและอาหารสามมื้อ เดินทางก็รถเมล์เท่านั้น รถฟรียิ่งดี อาหารก็ไม่พ้นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (ที่ถ้าคิดจริงๆ อาจแพงกว่าอาหารปกติเพราะกินซองเดียวไม่เคยอิ่ม) จนวันที่ 27 กดเงินจนตัวเลขในบัญชีทั้งสองเหลือเพียงสองหลัก กดไม่ได้อีกแล้ว แต่อีกวันเดียวเอง จะยืมเงินใครก็ได้ บอกแม่แม่ก็โอนมาให้ได้ทันที หรือจะขอนายจ้างให้โอนมาก่อนก็น่าจะได้ แต่ตอนนั้นมีอินเนอร์ประหนึ่งนางเอก “คุณหญิงนอกทำเนียบ”…
ที่เที่ยวในวัยสามสิบนิดๆ
เคยได้ยินคนพูดกันว่า “แก่แล้วจะเลิกเที่ยว” ขอบอกตรงนี้ ขีดเส้นใต้สามสิบสองเกือบจะสามสิบสามเส้น มากไป สองพอ ขีดเส้นใต้สองเส้นว่า “ไม่จริง” ชีวิตในวัยเลข 3 เริ่มมีความมั่นคงในหน้าที่การงาน เริ่มมีเงินเก็บ สุขภาพยังดี มั่นคงในหน้าที่การงาน แปลว่า พอจะจัดสรรวันลาได้ เจ้านายไม่ด่า (มากเท่าไร) เริ่มมีเงินเก็บ แปลว่า มีเงินจ่ายค่ากินค่าเที่ยวได้ สุขภาพยังดี แปลว่า ไปเที่ยวไหว ปัจจัยการเที่ยวก็มีแค่นี้ มีเวลา มีเงิน มีแรง ก็ถ้ามีครบ ไม่มีใครหยุดเที่ยวหรอก ตอนเป็นวัยรุ่น เราอาจไปที่ที่คนบอกว่า “น่าไป” “ต้องไป” “ถ้าไม่ไปจะคุยกับเขาไม่รู้…” อุ่ย แหะๆ คือไปมันทุกที่ ทั้งแนวธรรมชาติ ภูเขา แม่น้ำ ทะเล แนวประวัติศาสตร์ โบราณสถาน พิพิธภัณฑ์ ไปจนแนวอโคจร ผับ บาร์ แต่นอกเหนือจากเวลา เงิน และแรง คนวัยนี้จะเริ่มรู้ “หัวใจ” ตัวเอง เมื่อรู้หัวใจตัวเอง…
“อย่าไปคบเพื่อนคนนี้นะลูก เขาเป็นตุ๊ด”
(ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา) หลายคนคงเคยได้ยิน ได้อ่าน ได้ฟัง ได้เห็น วลีประมาณว่า “เป็นตุ๊ดนี่ต้องตั้งใจเรียน เรียนให้เก่งๆ จะได้มีงานมีการดีๆ เพื่อพิสูจน์ตัวเอง” ถ้าจะพูดแบบไม่ถ่อมตัว เราก็เป็นคนที่เรียนเก่ง (เรื่องเป็นตุ๊ดไหม …. สาบานว่าต้องการคำตอบ) แต่การเรียนเก่งของเรานี่ไม่เคยมาจากแรงผลักดันที่ต้องพิสูจน์ตัวเองอะไร เอ้า เอาให้เกลียดกันไปเลย คือจำความได้มันก็หัวดีแบบนี้ ประถมนี่แทบไม่อ่านหนังสือก่อนสอบ มาเริ่มอ่านเอามัธยมต้นและทุ่มเทมากขึ้นตามระดับการศึกษา แต่ก็เกิดมาจากความคิดที่ว่า “เราอยากทำให้เต็มที่” ไม่ได้เกิดจาก “เราจะต้องพิสูจน์ตัวเอง” แต่ก็ไม่ใช่ว่าอีตุ๊ดเด็กนี่จะไม่มีปม ไม่เอาๆ ไม่เรียกปม ปล่อยวางแล้ว เรียกใหม่ว่าเป็นประสบการณ์เคยฝังใจ ช่วงประถมปลาย ไปบ้านเพื่อนคนหนึ่งในวันหยุด พอเปิดเรียนวันจันทร์ก็งงๆ ว่าเพื่อนคนนี้ดูแปลกๆ ไม่พูดไม่จากับเรา เพื่อนๆ คนอื่นในกลุ่มคนอื่นๆ ก็ซุบซิบกัน ถามไปถามมาจนได้ความว่า คุณแม่ของเพื่อนเจ้าของบ้าน บอกให้เพื่อนเลิกคบกับเรา เพราะกลัวเพื่อนจะเป็นแบบเรา ก็ยังเด็กอะเนอะ มันเลยงงๆ ว่าเหยเป็นตุ๊ดแล้วคือยังไงหรอ คบแล้วมันจะไม่ดียังไง เราเป็นเด็กดีตั้งใจเรียน เป็นเพื่อนที่ดีนะ แต่คิดแล้วก็ไม่ได้คำตอบอะไร ซึ่งก็ไม่ได้พยายามจะคิดอะไรมากเพราะเพื่อนคนนั้นก็เลิกคบกันอยู่ประมาณสองวัน แล้วก็กลับมาคุย กินข้าว ทำงานกลุ่มด้วยกันเหมือนเดิมจนแยกย้ายกันไปตอนจบ ป.6 อีกครั้งเกิดตอนมัธยมต้น…
ชีวิตในเพชรบุรีซอย 5
ในวัยสามสิบต้นๆ นี้ หากแบ่งชีวิตออกเป็นช่วงใหญ่ๆ จะได้สองช่วง คือช่วงที่อยู่ต่างจังหวัดบ้านเกิด และช่วงที่มาอยู่เมืองกรุงใจก็มุ่งแต่อยากจะดัง หยุด ไม่เกี่ยว มาเรียนหนังสือ ย้ายมาอยู่ที่นี่ตอนขึ้น ม.5 เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2543 และรู้หมือไร่ เอ๊ย รู้หรือไม่ ว่าย้ายออกจากที่นี่เดือนธันวาคมปี 2558 คืออยู่ที่นี่มากว่า 15 ปี …. ที่นี่ ที่ “เพชรบุรีซอย 5” เพื่อน พี่ น้อง หลายคนเวียนว่ายตายเกิด (อันแปลว่าย้ายมาแล้วย้ายไป) พอรู้ว่ายังอยู่ที่นี่ก็จะตกใจว่า “ยังอยู่อีกรึ” คือก็อยู่ตอนม.ปลายเพราะใกล้โรงเรียน ปริญญาตรีก็อยู่ต่อเพราะใกล้มหาวิทยาลัย ทำงานประจำสองที่ ที่แรกก็อยู่หน้าปากซอย (อีกฝั่ง หูย ซอยเขาเก๋เข้าออกได้หลายทาง) อีกที่ก็อยู่ตึกแถวสยาม พอออกมารับจ้างอิสระก็เลยไม่รู้จะเลือกย้ายไปไหน สิบห้าปี ความทรงจำเพียบ แต่ ณ จุดนี้อยากจะขอแนะนำว่า อันตัวเราเองที่ดำผุดดำว่ายอยู่ในซอยนี้นั้น เติบโตมากับร้านไหนกันบ้าง นี่ถือว่าเป็นรีวิวร้านอาหารหรอ ไม่เชิงหรอก ซอยนี้อาหารแน่นมาก มีตั้งแต่หัวซอยยันท้ายซอย แต่เราขอนำเสนอร้านที่กินบ่อย กินจริง…
อย่าให้รูปแบบการใช้ชีวิตตายก่อนตัวคุณ
วันนี้เปิดเจอโฆษณาผลิตภัณฑ์ทางการเงินชิ้นหนึ่งของประเทศออสเตรเลีย โห….. ถูกใจมาก นี่คืออีกหนึ่งเหตุผลที่เปิดคอร์สการบริหารจัดการเงิน Money Ma’ny ไปชมกันก่อนเลย (คลิกด้านล่าง นี่ไม่ได้ค่าโฆษณาไหม ชอบก็ว่าชอบ อย่าคิดเยอะ กดดู) Challenger Annuities TVC กระแทกใจกันตั้งแต่ประโยคแรก Life expectancy is on the rise. But what about lifestyle expectancy? อายุขัยของคนเรานั้นยาวนานขึ้น แล้วรูปแบบการใช้ชีวิตล่ะเป็นอย่างไร เราคาดหวังที่จะมีชีวิตยืนยาว พยายามทุกวิถีทางทั้งเลือกสรรอาหารที่ดี ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้กายหยาบกับกายละเอียดของเราไม่แยกจากกันเร็วเกินไป 60 70 80 ตามแต่ใจเราคาดหวัง แต่ถ้าย้อนถามว่าหากชีวิตดำเนินไปถึงช่วงอายุนั้นจริงๆ เราจะขอบคุณตัวเราเองที่ทำให้มาถึงอายุเท่านี้ หรือจะก่นด่าว่ามึงจะให้กูอายุยืนทำไมลำบากลำบนฉิบห…. (ว้าย หยาบคาย #อรรถรส) เราจะอยากมีชีวิตยืนยาวไปทำไมถ้าชีวิตนั้นไม่ใช่อย่างที่เราต้องการ แน่นอนว่าชีวิตต้องเริ่มต้นด้วยปัจจัย 4 อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค ลำพังปัจจัยสี่อย่างนี้ก็มีระดับที่ต่างกันไป เราอยากมีชีวิตที่เลือกได้ว่าวันนี้จะกินอะไร หรืออยากมีชีวิตที่ต้องกินสิ่งที่มีที่หาได้เท่านั้น รูปแบบการใช้ชีวิตเป็นอีกหนึ่งที่เราต้องคาดหวัง…
ดีใจที่ไม่ได้เล่นเรื่องนี้ – วัยแสบสาแหรกขาด
บรรยากาศการทำงานกับมาสเตอร์วันใน “ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล” และ “นางสาวทองสร้อย” นั้นถือว่าดีถึงขั้นดีมาก เมื่อใกล้ปิดกล้องนางสาวทองสร้อยก็แอบหวังในใจว่าเรื่องต่อไปจะได้เล่นอีก ถามไปถามมาจนได้ความว่าเรื่องต่อไปชื่อ “วัยแสบสาแหรกขาด” คือเรื่องอะไร เกี่ยวกับอะไร ทำไมไม่บ้านแตก ทีมงานเล่าว่าเป็นเรื่องของเด็กๆ ที่มีปัญหาและมีคุณครูเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาเหล่านั้น ไหน ไหนคือความรักของพระนาง ไม่มีพูดถึง จะสนุกใช่ไหม หรือจะออกมาเหมือนละครน้ำดีส่วนใหญ่ (ย้ำว่าแค่ส่วนใหญ่ ไม่ใช่ทั้งหมด) ที่มักน่าเบื่อ เดินเรื่องเนิบนาบ เนื้อหาหนัก ต้องตั้งใจดู ต้องตีความ ต้องวิเคราะห์ แต่ก็ยังอยากเล่นอยู่นะ จนเมื่อรู้ว่าไม่ได้เล่น ก็เสียใจนิดหน่อย (นิดเดียวจริงๆ เพราะเชื่อใจในค่ายนี้ว่าเลือกนักแสดงเหมาะสมกับบทเสมอ ไม่ได้เล่นไม่ใช่เราไม่ดีแต่เป็นที่ความเหมาะสม) แล้วสุดท้ายก็ไม่ได้ติดตามข่าวละครเรื่องนี้นัก จนเมื่อละครจะฉาย เป็นจังหวะเดียวกับที่เริ่มถ่ายทำละครเรื่องต่อไปของค่ายนี้ (ซึ่งได้เล่น เย่ๆ และบทนี้เหมาะสมมาก รอดูกันนะ อะ ข้ามไปก่อนไม่ใช่ประเด็นตอนนี้) ทั้งผู้จัดและนักแสดงต่างลุ้นและฝากให้ช่วยดูช่วยเชียร์ช่วยวิจารณ์ละครเรื่องนี้ แต่พอเอามาบอกกับเพื่อนๆ ประมาณแปดในสิบคนจะพูดว่า “เรื่องไรอะ ดูเครียด ชีวิตก็เครียดมากพอแล้วนะ อยากดูอะไรที่มันผ่อนคลายสนุกๆ” ซึ่งก็ได้แต่ตอบกลับไปว่า “เหย รอดูก่อน” ทั้งๆ ที่ใจก็ยังลุ้นเหมือนกันว่าละครแนวนี้จะออกมาเป็นอย่างไร …. จริงๆ…
ฟ้าอยากเป็นแอร์ ตอนที่ 2
ฟ้ายังอยากเป็นแอร์ค่ะ หลังจากที่ฟ้าพลาดหวังในการสมัครสายการบินนี้ในครั้งที่สอง ฟ้าก็ไปลงเรียนในสถาบันติวสอบแอร์เลยค่ะ ค่าเรียนมากกว่าเงินเดือนฟ้าด้วยซ้ำ แต่ฟ้าทุ่มค่ะ ฟ้าอยากได้คำแนะนำแบบจริงจังว่าฟ้าควรต้องปรับปรุงตัวตรงไหน และการเรียนที่นี้ทำให้ฟ้าเสียเซลฟ์อยู่เหมือนกันเมื่อฟ้าโดนวิจารณ์ว่า “ฟ้ามั่นใจเกินไป” ความมั่นใจเป็นสิ่งที่ดีนี่ค่ะ เอาจริงๆ ฟ้าไม่ใช่คนมั่นใจชนิดที่ยืนอยู่ป้ายรถเมล์แล้วจะตะโกนเรียกเพื่อนที่อยู่ฝั่งตรงข้ามของถนนหรอก เพียงแต่ถ้าฟ้าต้องทำอะไรที่ถูกต้องและฟ้ารู้ว่าฟ้าทำได้ ทำไมจะต้องไม่มั่นใจล่ะ จริงไหมคะ แต่ก็นั่นล่ะค่ะ ฟ้าก็น้อมรับคำวิจารณ์นั้นมาปรับปรุงตัวเอง ฟ้าควบคุมตัวเองให้พูดช้าลง ปรับโทนเสียง ไปจนถึงฝึกแอ๊บเบาๆ ให้คิดนิดนึงก่อนตอบคำถาม (ปกติฟ้าเป็นระบบถามปุ๊บตอบปั๊บค่ะ) ที่ฟ้าประทับใจที่สุดคือการเข้าคลาสติวสัมภาษณ์กับอาจารย์ อ. (ฟ้าขออนุญาตไม่ระบุชื่อท่านนะคะ กลัวจะถูกมองว่าเป็นเนื้อที่โฆษณา) คลาสนี้ฝึกถามตอบกันเป็นภาษาอังกฤษ ความเก๋คือ อาจารย์จะให้เราตอบของเราก่อนเอง แล้วท่านค่อยแก้จากที่เราตอบมา เพราะฉะนั้นคำตอบของนักเรียนแต่ละคนก็จะแตกต่างกัน ฟ้าเองก็มีคำตอบในแบบของฟ้า ซึ่งเป็นคำตอบที่ได้รับการขัดเกลาให้ดีขึ้นอย่างมาก ฟ้าพร้อมแล้วค่ะ บุญหัวของฟ้าจริงๆ ที่สายการบินนี้เปิดรับสมัครอีกครั้งก่อนที่ฟ้าจะอายุเกินพอดี เอกสารพร้อม เสื้อผ้าหน้าผมพร้อม ความมั่นใจ(ที่ฝึกควบคุม)พร้อม ทุกอย่างพร้อม และฟ้ามีคิวยื่นใบสมัครในช่วงบ่ายวันแรกของการรับสมัคร ระหว่างรอ ฟ้านั่งคุยกับเพื่อนใหม่คนหนึ่ง ผู้ชายค่ะ นิดนึง คือฟ้าก็สวย สวยจริงๆ นะคะ ต่อค่ะต่อ ฟ้าว่าเขาเหมาะสมมาก สูง หล่อ พูดจาดี ยิ้มก็สวย เขาเข้าไปยื่นใบสมัครก่อนฟ้า เข้าไปสักพักก็เห็นเขาเดินคอตกออกมาว่าไม่ผ่านเพราะน้ำหนักเกิน…
ฟ้าอยากเป็นแอร์ ตอนที่ 1
ฟ้าอยากเป็นแอร์ค่ะ ฟ้าไม่ได้อยากเป็นมาตั้งแต่เด็กหรอกนะคะ เพิ่งมาอยากเป็นตอนเรียนมหาวิทยาลัย พอเรียนจบ ฟ้าก็เลยจะเป็นแอร์ค่ะ ฟ้ามีสายการบินในใจ โชคดีของฟ้าที่เรียนจบมีนาสายการบินนี้ก็เปิดรับช่วงปลายปีเดียวกันเลย ขั้นตอนการสมัครคร่าวๆ ก็คือ 1. ยื่นใบสมัครและพิจารณาคุณสมบัติเบื้องต้น 2. ทดสอบข้อเขียน 3. สัมภาษณ์ เรื่องใบสมัครนั้นไม่ใช่ปัญหาของฟ้า คะแนนภาษาอังกฤษที่หลายคนกังวลฟ้าก็มีกอดไว้แบบไม่น้อยหน้าใคร ฟ้าพกความมั่นใจมาเต็มกระเป๋า เอกสารครบ ส่วนสูงผ่าน น้ำหนักตามเกณฑ์ ผ่านเข้าไปพบกับกรรมการในรอบแรก แล้วกลับบ้าน รอฟังผล ฟ้าตกรอบ ฟ้าก็นั่งนึกว่าทำไม อะไรทำให้ฟ้าไม่ผ่าน คำตอบคือเยอะมากค่ะ เสื้อผ้าที่ไม่พอดีตัว หน้าผมที่ไม่ลงตัว คือฟ้ามีเอกสาร มีคะแนน มีผลการเรียน มีใจ แต่นั่นไม่พอสำหรับงานนี้ ฟ้ายอมรับ แต่ฟ้าไม่ยอมแพ้ ไม่กี่ปีต่อมาสายการบินนี้ก็เปิดรับอีกครั้ง ครั้งนี้ฟ้าทุ่มเททุ่มใจถวายวิญญาณกับการเตรียมตัว เสื้อผ้าหน้าผมตามแบบแผน เอกสารและคะแนนต่างๆ ครบถ้วน และฟ้าผ่านรอบแรก ฟ้าจะต้องสอบข้อเขียน ฟ้าก็เข้าไปอ่านตามเวบบอร์ด มีการแนะนำลักษณะข้อสอบไปจนถึงลักษณะการตอบที่ควรจะเป็น แต่ฟ้าคิดว่าฟ้ามีคุณลักษณะที่เหมาะสม ฟ้าจะเป็นตัวของตัวเอง ข้อสอบมีสามส่วนใหญ่ๆ ส่วนแรก คือ แบบทดสอบบุคลิกภาพ ซึ่งเหมือนข้อสอบแนะแนวสมัยฟ้าเรียนมัธยมปลาย ส่วนที่สองเป็นข้อสอบความรู้ด้านต่างๆ เช่น…
สามปุ๋ย เร่งเงินออมโต
เริ่มเก็บเงินกันมาได้สักพักแล้วก็มักจะมีคำถามว่า พี่คะพี่ขา เมื่อไรหนูจะมีเงินแสนเงินล้านกับเขาบ้างคะ ตอบตรงนี้ว่า ไม่รู้ค่ะ เพราะพี่ก็ไม่รู้ว่าหนูเก็บกี่เปอร์เซนต์จากรายได้ แล้วรายได้หนูเท่าไร เก็บสม่ำเสมอไหม เก็บแล้วมีแว้บแงะออกมาซื้อของหรือเปล่า แต่ถ้าจะตอบแค่นั้นก็กลัวใจว่าหนูจะเอาหัวโขกกระปุกหมูประชดไปเสีย ใจเย็นนะคะหนู พี่ขอชดเชยด้วยการแนะนำปุ๋ยสามตัวให้กับหนูแทน เอาไปใส่ในเงินออมของหนู จะได้ถึงแสนถึงล้านไวขึ้น ปลูกต้นไม้มี N P K ปลูกเงินก็มี C I T ปุ๋ยตัวที่หนึ่ง C – Capital เมืองหลวง? ใช่ค่ะ เช่น กรุงเทพมหานครเป็นเมืองหลวงของประเทศ… เย้ย! ไม่ใช่ค่ะ Capital ในที่นี้หมายถึง ทุน หรือเงินต้นที่เรามีในการเก็บออม ถ้าตรรกะหนูยังมี คิดในใจสามวินาทีก็คงจะนึกออกนะคะ ว่าระหว่างคนออมเงินปีละ 1,000 บาท กับออมปีละ 12,000 บาท ถ้ามีวิธีจัดการเงินเหมือนกัน เวลาผ่านไป ใครจะมีเงินมากกว่ากัน ขอยกตัวอย่างประกอบนะคะ เอ ออมเงินปีละ 1,000 บาท บี ออมเงินปีละ 12,000…
ข้อควรระวังสำหรับมือใหม่เก็บเงิน
อ้างถึง “มือใหม่หัดเก็บเงิน เชิญอ่าน แล้วทำเดี๋ยวนี้” (อ่านยัง ถ้ายังให้แวะไปอ่านก่อน ก้องเขียนเอง หาไม่ยาก …. อ่านยัง ถ้ายัง เอ๊ะ นี่ต้องให้บอกซ้ำ!) หลังจากที่เขียนไปครั้งก่อน เรื่องให้เก็บ 10% ใส่บัญชีสำหรับ “กรณีตกงาน ไม่มีรายได้เลยทั้งเดือน” ก็หวังใจเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนที่ได้อ่านจะได้เริ่มเก็บเงินกันแล้ว ดีใจๆ ส่วนคนที่ยังไม่เก็บ รออะไร รอให้นักวิทยาศาสตร์บรรจุดาวพลูโตกลับเป็นดาวเคราะห์ในระบบสุริยะจักรวาลหรอ คืองี้นะ ถ้าคุณไม่สนใจเรื่องเก็บเงินเลย คุณไม่อ่านบทความที่แล้วจนจบหรอก คุณอ่านจบ แปลว่าคุณสนใจ คุณอยากให้มันเกิดกับชีวิตคุณ ก็ไม่ต้องรอค่ะ เก็บเลย เก็บรอวันที่ดาวพลูโตจะกลับมา (เกี่ยว?) กลับมาที่คนที่เก็บเงินแล้ว ดีใจๆ อีกที บทความตอนนี้จะขอรีบแวะมาเตือนกันก่อนว่าอะไรคืออุปสรรคสำคัญของนักเก็บเงินมือใหม่ อ่านแล้วระวังให้ขึ้นใจ 1. อย่าขาดเป้าหมายในการเก็บเงิน หัก 10% ของทุกรายได้มาใส่ในบัญชีนี้ได้แล้ว เมื่อเวลาผ่านไป เงินมันก็เพิ่มขึ้น บางทีมันก็มีเหตุจำเป็น เช่น รถเสีย น้องหมาป่วย คอมพัง หรือแม้แต่อยากเปลี่ยนฟิล์มหน้าจอมือถือใหม่ (ใช่เรื่องไหม) จิตใจมันก็เร่าๆ ว่านี่ไง เงินที่แกเก็บไว้ไง…
มือใหม่หัดเก็บเงิน เชิญอ่าน แล้วทำเดี๋ยวนี้
อันคือว่า ก้องก็เปิดคอร์ส Money Ma’ny มาได้หกครั้งแล้ว ได้แนะนำวิธีการบริหารจัดการการเงินให้ผู้คนมากมาย หรา….ข่าวว่ารอบนึงรับไม่เกินสิบคน เออๆ ช่างมัน แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ไม่มีโอกาสมา (หรือมีโอกาสแต่ไม่มา เชอะ ไม่ๆ เราไม่ได้เคืองอะไร) ก้องก็เลยคิดว่าน่าจะแบ่งปันวิธีการผ่านทางบล๊อกด้วย ถ้าคุณไม่เคยเก็บเงินมาก่อนเลย หรือเก็บแบบไม่มีจุดหมาย คือเก็บมาใช้ไปเก็บมาใช้ไป เก็บสิบปีมีเท่าเดิม จงปฏิบัติตามนี้ 1. คำนวณออกมาซิ ว่าใน 1 เดือน คุณต้องการเงินเท่าไรที่จะอยู่ได้แบบสบายๆ พอดีๆ (ค่าอาหาร ที่พัก เดินทาง แบบไม่ลำบาก/ เสื้อผ้า ของใช้จำเป็น/ หรืออื่นๆ ที่มันจำเป็นกับการใช้ชีวิตแบบปกติ) ได้คำตอบยัง ถ้ายัง คิดให้ออกก่อนค่อยอ่านต่อ แหนะ บอกให้คิดออกมาก่อน เดี๋ยวตีตาย 2. เอาเลขที่ได้ มาคูณ 12 เช่น เลขที่ได้จากข้อ 1 คือ 20,000 บาท ก็จะได้ 240,000…