งานแบบไหนจะเหมาะกับเรา

“ไม่อยากทำงานประจำอะ อยากเป็นฟรีแลนซ์”

เป็นประโยคที่ก้องได้ยินบ่อยมากจากน้องๆที่กำลังจะจบหรือเพิ่งจบปริญญาตรี ขณะที่กำลังก้าวสู่โลกแห่งการทำงาน หลายคนยังรักอิสระ อยากเผชิญความกล้าในงานฟรีแลนซ์ แต่ก็มีหลายคนเลือกความมั่นคงด้วยการหางานประจำ ทั้งหมดล้วนอยากประสบความสำเร็จในการทำงาน

แล้วงานแบบไหนกันที่จะทำให้เราไปถึงจุดนั้น งานแบบไหนที่จะเหมาะกับเรา

ได้อ่านบทความจากเพจ Thailand Investment Forum ซึ่งยกตัวอย่างงานไว้สามลักษณะ (จริงๆอาจมีมากกว่านี้ แต่ก้องว่าสามอันนี้ครอบคลุมมากครับ) คือ งานประจำ งานฟรีแลนซ์ และงานเจ้าของกิจการ

งานประจำพูดง่ายๆก็คือลูกจ้าง ทำงานบริษัท เข้าออกเป็นเวลา มีที่มีทางทำงานแน่นอน มีเงินเดือนประจำ

งานฟรีแลนซ์ ก็รับจ้างทั่วไป มีคนจ้างก็มีงาน ไม่มีคนจ้างก็รองาน เงินไม่แน่นอน แต่อิสระ จัดสรรเวลาทำงานได้เอง

งานเจ้าของกิจการ คล้ายงานฟรีแลนซ์ แตกต่างตรงที่มักจะต้องมีการว่าจ้างคนอื่นมาช่วยทำงานด้วย

บทความนี้กล่าวถึงเรื่องค่าตอบแทนของทั้งสามงานได้น่าสนใจว่า ทั้งสามงาน ถ้าทำให้ได้ดีแล้วนั้น

งานประจำ คุณจะอยู่ระดับผู้บริหาร ค่าตอบแทนปีละหลักพันล้านบาท ใช่เลยครับ แถมเวลาทำงานที่แน่นอนนั้นก็ไม่ได้ยาวนาน วันนึงไม่กี่ชั่วโมง

งานฟรีแลนซ์ คุณจะสามารถเลือกงานทำได้ ปีนึงอาจทำสักงานสองงาน แล้วเงินที่ได้มาอยู่ไปได้อีกหลายปี แถมงานแต่ละชิ้นที่ทำก็ติดโบว์แดง (ไม่แสลงใจ) ทั้งสิ้น

งานเจ้าของกิจการ ธุรกิจก็จะรุ่ง ใหญ่โต ขยายกิจการไปได้กว้างไกล

ไม่ว่าจะเป็นคนทำงานประจำ เป็น Freelance หรือคนทำธุรกิจส่วนตัว หรือจะเป็นอะไรก็ตาม … ถ้าทำให้ดี จนเป็นระดับผู้นำของวงการได้ … มันก็ดีสุดยอดทั้งนั้น”

จงหาอะไรทำที่เหมาะกับจริตของตน ทำแล้วมีความสุข และทำแล้วเจริญขึ้น

เหมาะกับจริต คือทำแล้วไม่ฝืน ไม่ต้องอาศัยความพยายามหรืออดทนในระดับกลั้นน้ำตา เช่น เป็นคนไม่ชอบพูดแต่ทำงานขาย อย่างนี้ฝืน

มีความสุข ชัดๆเลย ทุกเช้า (หรือเกือบๆ) จะอยากตื่น อยากลุกไปทำงาน ทำงานเสร็จก็ฟิน

เจริญ อันนี้คือเรื่องผลตอบแทน ได้เงิน ได้ชื่อเสียง ได้การยอมรับ ได้คำชื่นชม ซึ่งได้สิ่งเหล่านี้มาก มากขึ้นเรื่อยๆ

เวลามีน้องๆมาปรึกษาก้องจะแนะนำว่า ถ้าฐานะอยู่ในสภาวะที่ไม่เดือดร้อนอะไรมาก เมื่อเรียนจบ มีโอกาสมีงานอะไรเข้ามาให้รับทำ จะงานประจำ ฟรีแลนซ์ หรือจะเปิดกิจการก็ได้ จงทำ ทำแล้วจะรู้ว่าใช่หรือไม่ใช่ อย่าหลอกตัวเอง บางงานไม่ได้มาพร้อมกันทั้งสามอย่าง อาจเหมาะกับจริตและเงินดี แต่ทำๆแล้วไม่เคยมีไฟในงาน หรือเป็นงานที่เหมาะมากไม่ต้องฝืนแถมมีความสุข แต่ทำแล้วเข้าเนื้อ เงินหายกำไรหด แถมไร้ซึ่งคำชื่นชม

ซื่อสัตย์กับตน เปลี่ยน หางานใหม่

ทั้งนี้ ตั้งจุดหยุดไว้ ไม่มีงานอะไรที่จะได้ครบทั้งสามอย่าง ที่จะได้ดังใจเราไปหมด อย่างก้อง ก้องตั้งไว้ว่าอายุ 30 เมื่อไรจะต้องโฟกัส เลือกสักทางที่ชีวิตจะมุ่งไป ดังนั้นตลอดเจ็ดแปดปีที่ผ่านมา ทำมาทั้งงานประจำและฟรีแลนซ์ เกือบได้มีกิจการของตัวเองด้วย เป็นทั้ง เออี ล่าม ครู สมัครสจ๊วด สอบนักบินจนผ่าน แต่สุดท้ายเมื่อเลข 30 มาถึง ก็เลือกสิ่งที่ทุกคนเห็นก้องทำอยู่ในปัจจุบัน

โชคดีครับ

 

ที่มา: https://www.facebook.com/ThInvestForum

 

2 Comments Add yours

  1. keow's avatar keow says:

    ชอบมากเลยค่ะ เป็นประโยชน์ด้วย เลิฟพี่ก้อง

  2. minhae's avatar minhae says:

    จะจำไว้สำหรับการดำเนินชีวิตในปีถัดไปด้วยเลขสองนำหน้าค่ะ 🙂

Leave a reply to minhae Cancel reply