SULLY

แม้ว่าจะมีคำตอบตลอดทั้งจากคนอื่นและจากในใจของตัวเองว่า งานที่ทำอยู่ในปัจจุบันนั้นดีแล้วเหมาะสมแล้ว

แต่ก็อดไม่ได้ที่จะนึกขึ้นบ้างว่า ชีวิตตอนนี้จะเป็นอย่างไรถ้าตอนนั้นเลือกที่จะเป็น “นักบิน”

………….

ไปดู SULLY มา (หนังไม่น่าจะมีอะไรโดนสปอยล์ แต่ก็เตือนไว้เผื่อนะ อาจมีสปอยล์นะยู)

เดี๋ยวนี้เวลาดูหนังหรือละคร นอกจากจะดูเอาเรื่องเอารสเอาความสนุกแล้ว ก้องมักดูไปคิดไปว่า เอ๊ะ ถ้าเราต้องแสดงฉากนี้จะทำยังไงนะ หรือ ตอนที่นักแสดงคนนี้เขาแสดงฉากนี้เขาจะรู้สึกยังไงนะ

วินาทีแรกที่เห็นพี่ทอม (ขออนุญาตเรียกแบบนี้นะ สนิทกัน ….. หรา) พี่คะ พี่จะ 60 แล้ว แต่พี่ยังเป็นพระเอก ในหนังที่พี่เป็นตัวเอกคนเดียว แล้วพี่ได้ออสการ์มากี่ตัว แล้วแต่ละเรื่องที่พี่เล่นนี่แบบโห แล้วมาเรื่องนี้หน้าพี่แบบนี้แววตาแบบนี้ พี่ใช่คนเดียวกับที่เล่น The Terminal หรือเปล่าวะคะนี่ (The Terminal เป็นผลงานพี่ทอมที่ก้องประทับใจที่สุด)

พี่ทอมรับบทเป็นกัปตันซัลลี่ที่นำเครื่องลงจอดฉุกเฉินในแม่น้ำฮัดสันเนื่องจากเครื่องยนต์ขัดข้อง

ซัลลี่โดนสอบสวน ซึ่งมีคำถามที่ซักถึงความพร้อมที่จะทำการบิน ซัลลี่ตอบว่าเขาไม่ได้มีปัญหาอะไร เจ้าหน้าที่ผู้ถามก็รับคำตอบไปแบบแกนๆ

ถ้ามองถึงซัลลี่ ณ วินาทีนั้น กับบทบาทนักบินก็อาจจะสงสัยแบบนั้นได้

แต่ถ้ามองถึงพี่ทอม ณ วินาทีนั้น กับบทบาทนักแสดง คงไม่มีใครสงสัยถึงความพร้อมที่จะทำการแสดง

พี่ทอมทำได้ เราก็ทำได้ …. มั่นมาก

พูดถึงหนังกันบ้าง ก่อนดูก็คิดอยู่ว่า ไคล์แมกซ์ของเรื่องคงเป็นฉากเครื่องบินจะตกนี่แหละ คงขยี้ บีบ คั้น กระฉาก ลาก ดึง ให้ได้ยาวสัก 15 นาทีเป็นอย่างน้อย

แต่ หนังเปิดมา เครื่องตกไปแล้วเรียบร้อยเลยค่ะ

เส้นเรื่องหลักคือการพิสูจน์ตัวเองของซัลลี่ว่าเขาได้ทำสิ่งที่ควรทำที่สุดแล้ว ในขณะที่หน่วยตรวจสอบเชื่อว่าเขาไม่จำเป็นต้องลงจอดในน้ำ แต่สามารถนำเครื่องไปจอดยังสนามบินใกล้เคียงได้

คำว่าตกไปแล้วเรียบร้อยนั้น หมายความว่า คนดูยังไม่เห็นตอนเครื่องตกนะ หนังเล่าไปจนกลางๆ เรื่องจึงได้ย้อนให้เราได้เห็นเหตุการณ์วันเกิดเหตุ มีการเปิดตัวให้เห็นผู้โดยสารต่างๆ แบบหยาบๆ คือ โอเค คนนี้เป็นพ่อลูก คนนี้เป็นคุณแม่ลูกอ่อน คนนี้มากับแม่ที่ต้องนั่งรถเข็น แต่ไม่ได้ลงลึกถึงรายละเอียดไปมากกว่านั้น เอาแค่ว่า ชื่อตัวละครเหล่านี้ยังบอกไม่ครบทุกคน

เครื่องขึ้นได้แว้บเดียว ยังไม่ทันปิดสัญญาณคาดเข็มขัด หนังให้เห็นภาพในห้องนักบินที่มองเห็นฝูงนก และฝูงนกนี้เข้าไปในใบพัด ทำให้เครื่องยนต์ดับทั้งหมด จากนั้นก็ตัดมาที่บรรยากาศในห้องโดยสาร ผู้โดยสารตกใจกับเครื่องที่สั่น ต่อมาไฟดับ ตามมาด้วยเสียงกัปตันที่บอกให้เตรียมรับมือกับการกระแทก

เราได้เห็นหน้ากัปตันกับนักบินผู้ช่วยอีกทีก็ตอนสองสามวินาทีก่อนเครื่องจะสัมผัสผิวน้ำ จากนั้นก็เกิดการอพยพ น้ำเข้าทางท้ายเครื่อง แอร์โฮสเตสที่ประจำด้านหลังโดนอะไรสักอย่างบาดที่ข้อเท้า ผู้โดยสารทุกคนอพยพแบบ จะเรียกว่าเป็นระเบียบก็ไม่ใช่ แต่ก็ไม่ได้วุ่นวายแบบประดิษฐ์

ซึ่งการแนะนำตัวละครผู้โดยสารแบบหยาบๆ ที่ได้กล่าวไปนั้น ไม่ได้ทำให้การลุ้นไปกับคนกลุ่มนี้ลดน้อยลงเลย แต่กลับรู้สึกพอดี ว่าเออหนังบอกเราแค่นี้ ไม่ได้บอกแบบใครจะไปไหน ใครมีใครรออยู่ที่ปลายทางบ้าง ทว่าเราก็เอาใจช่วยพวกเขาทุกคน และทุกคนรอดหมด

ตอนจังหวะที่กัปตันไปเช็คว่ายังมีใครเหลืออยู่ไหมที่ท้ายเครื่องซึ่งน้ำเข้ามาประมาณนึงแล้ว ในใจแอบคิดว่าถ้าจะเน้นอารมณ์หน่อยต้องมีเด็กสักคนขาติดอยู่แน่ๆ แล้วกัปตันต้องแบบเป็นคนช่วย แล้วแบบน้ำไหลมาเรื่อยๆ จนมิดหัว แล้วจึงดึงหลุดช่วยออกมาได้ แต่ โนค่ะ ไม่มีใครขาติดอะไร ซึ่งดีแล้ว

จากนั้นหนังก็กลับมาที่ปัจจุบันต่อ ในช่วงก่อนถึงวันฟังคำตัดสิน ก้องก็นึกไปว่าแล้วยังจะมีอะไรให้ดูอีกหรือ

ถึงวันฟังคำตัดสิน หน่วยตรวจสอบสาธิตจากเครื่องจำลองการบินถึงสิ่งที่ซัลลี่ควรจะทำ อันได้แก่การนำเครื่องลงที่สนามบินใกล้เคียง ซึ่งทำได้ ซัลลี่แย้งว่าที่ทำได้นั้นเพราะเป็นการทำทันทีหลังจากเจอฝูงนก แต่ในเหตุการณ์จริงเขาต้องใช้เวลาในการประเมินสถานการณ์ และเมื่อทำการทดลองใหม่โดยหน่วงเวลาไป 35 วินาที ผลที่ได้คือ ไม่สามารถนำเครื่องลงจอดได้ ซัลลี่ทำถูกแล้ว … แล้วยังจะมีอะไรให้ดูอีกหรือ

“เราได้พบกล่องบันทึกเสียงในห้องนักบิน ทุกท่านค่ะ กรุณาสวมหูฟังค่ะ” .. แล้วยังจะมีอะไรให้ดูอีกหรือ

โอ๊ย ทำไมคิดไม่ได้ 555 คือแทนที่หนังจะให้ฟัง หนังก็พาเราย้อนกลับไปดูวันเกิดเหตุอีกครั้ง แต่ครั้งนี้เราจะอยู่กับนักบินทั้งสองตลอดเวลา ตั้งแต่บินขึ้น เจอนก ประเมินสถานการณ์ ขอความช่วยเหลือ ตัดสินใจลงน้ำ แฟลบหนึ่งแฟลบสอง สองสามวินาทีก่อนเครื่องจะสัมผัสผิวน้ำ จนลงน้ำอย่างปลอดภัย … ลุ้นมาก เล่นดีมากทั้งพี่ทอม และพี่อารอนผู้รับบทนักบินผู้ช่วย

หนังจบที่คำกล่าวของซัลลี่ว่าเขาไม่ใช่ฮีโร่ของเหตุการณ์นี้ แต่ทุกคนทุกหน่วยงานที่เข้าช่วยเหลือต่างหากที่สมควรได้รับการยกย่อง

แล้วก็เป็นภาพจอเล็ก ซึ่งเหมือนตัดมาจากในหนัง แต่มันไม่ใช่เหวย มันคือภาพเหตุการณ์จริง ของจริง แต่มันเหมือนภาพที่เห็นในหนังมาก มีคนดูแถวหลังก้องลุกขึ้นแล้วเรียกเพื่อนว่าออกได้แล้วไม่มีอะไรแล้ว ก้องอยากจะ “แกๆ ดูๆ นี่ภาพจริงนะเว่ย” แล้วหนังก็มีใครไม่รู้มาใบ้หวย 12เอ 5ซี อะไร อ๋อ…..นี่คือผู้โดยสารในวันนั้น และเสียง เสียงที่พูดก็ต้องเป็นเสียงของ วี้ดดดดด กัปตันซัลลี่ตัวจริง วี้ดดดดดด อยากกอด วี้ดดดดดดดด

 

พอหนังจบ เลยนึกได้ว่า นี่คิดถึงสภาวะพี่ทอมในบทบาทนักแสดงแค่ช่วงแรกๆ เอง จากนั้นก็เชื่อไปจริงๆ ว่าพี่แกคือซัลลี่ พี่ดีเหลือเกิน

………….

ถ้าเป็นนักบิน ไม่รู้จะเป็นยังไง

แต่วันนี้เป็นนักแสดง ก็จะอยู่ไปให้ได้อย่างพี่ทอม และ ต้องได้เล่นบทนักบินให้ได้!

สอบนักบินสองครั้ง หนึ่งในคำถามที่โดนเหมือนกันทั้งสองครั้งก็คือ ทำไมคุณอยากเป็นนักบิน

ครั้งแรก ตอบแบบสวยงามว่า เป็นงานที่มีเกียรติ ใช้ความสามารถ มั่นคง ฯลฯ (ถ้าผ่านคงไม่มีครั้งที่สอง/แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่ผ่านเพราะคำถามนี้หรอกนะ)

ครั้งที่สอง ตอบจากใจแบบคิดมาจากบ้านเลยว่า เคยดูละครฮ่องกง (Triumph in the Skies) กับละครญี่ปุ่น (Good Luck) พระเอกทั้งสองเรื่องเป็นนักบิน เท่ เลยอยากเป็นตาม

ถ้ามีครั้งที่สาม จะเพิ่ม Sully เข้าไปด้วย

 

Leave a comment